วันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

อ.ศุภณัฏฐ์ อัฏฐวัฒน์ เผยข้อมูลเชิงลึกตำนานปู่ฤาษีนารอท สาริกามหาเสน่ห์ เป็นครั้งแรกที่เผยแพร่


      

    ปู่ฤาษีนารอทหรือที่เราเรียกกันด้วยความเคยปาก ว่า

 
“พ่อแก่” ตามคัมภีร์ปุราณะของอินเดียได้บันทึกประวัติเอาไว้ว่า ปู่ฤาษี นารอท ถือเป็นปู่ฤาษีถือกำเนิดจากพระพรหม โดยพระพรหม เป็นผู้กำหนดในการเกิด แต่เป็นพระภาคหนึ่งของพระนารายณ์อวตาร
โดยการอาศัยซึ่งพระพรหมเป็นผู้ให้กำเนิดและยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของพระฤาษีกสยปเทพบิดา ซึ่งพระองค์เป็นมหาฤาษีที่ให้กำเนิดทวยเทพทั้งหลายบนสวรรค์ชั้นฟ้า เมื่อแรกกำเนิดมา ก็มีสองภาคอยู่ในตัวตน นั่นคือภาคฤาษีเทพบุตร หน้าตาหล่อเหล่าดุจเทพเทวาแห่งสวรรค์ชั้นดาวดึง
อีกภาคหนึ่งคือใบหน้าแก่ชรา ภาคหน้าหนุ่ม ถูกขนานนามว่าพระดุริยเทพ คือเป็นเจ้าแห่งดนตรีการ มีความเชี่ยวชาญด้านคีตศิลป์ เปรืองปราญจนยากที่จะหาผู้ใดเทียบได้ และยังเป็นผู้คิดค้นทำนองดนตรีในการเล่นบทเพลงถวายพระศิวะเทพประกอบ
พิธีกรรมในวาระต่าง ๆ รวมถึงการประดิษฐ์คิดค้นเครื่องดนตรีที่เรียกว่า “วีณา” คือพิณ ถวายแด่พระแม่สุรัสวดีพระชายาของพระพรหม ด้วยเหตุนี้ พระแม่สุรัสวดี จึงประทานพรอันศักดิ์สิทธิ์ ให้ปู่ฤาษีนารอท เป็นปฐมบรมครูแห่งการดนตรี นาฏศิลป์ ซึ่งมีฐานะสูงกว่า พระปคณธรรม์ ด้วยความเป็นบุตรบุญธรรมแห่งฤาษีกศยปเทพพิดร ผู้ซึ่งเรืองฤทธิ์มีความเชี่ยวชาญเรื่องการรักษายุกยา สมุนไพรพืชพันธ์ไม้พิศดาร ล้วนถูกถ่ายทอดญาณแห่งการรักษาให้ปู่นารอทจนหมดสิ้น ทำให้ปู่นารอทถูกยกย่องว่า เป็นครูแห่งการแพทย์มีฐานะสูงกว่าปู่หมอชีวกในสมัยพุทธกาล เพราะปู่นารอท อุบัติมาแล้วกว่า 5 พันปี นอกจากนี้ ปู่นารอทยังได้รับพรอันประเสริฐจากพระพรหมโดยการประทานพระคัมภีร์พระเวทที่พระหัตถ์ซ้ายของพระพรหม  จึงทำให้ปู่นารอท มีความเชี่ยวชาญด้านพระเวทย์ รวมไปถึงความรอบรู้วิชาการด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ด้านนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ จนเป็นที่เคารพนับถือทั้งหมู่เทพเทวาและเทพอสูร ปู่นารอทพำนักอยู่ในป่า ณ เขาโสฬส อาณาเขตของเหล่าเทพอสูรฉะนั้น ปู่นารอท จึงเป็นที่สักการะบูชาของ มนุษย์ เทพเทวดา และอสูร  โดยเฉพาะมวลหมู่มวลมนุษย์ชาติทั้งหลาย ต่างให้ความเคารพนับถือปู่นารอทอย่างเป็นเอกอุในด้านสรรพวิชาทั้งปวง เหนืออื่นใดปู่นารอทยังเป็นปู่แห่งความเมตตามหานิยม เพราะท่านคือองค์ อวตารแห่งพระนารายณ์ จึงมีทั้งฤทธิ์เดชและเวทย์มนต์ตลอดจนความเป็นมหานิยม ฉะนั้นทุกคนที่บูชาปู่นารอท จึงบูชาได้ทุกสาขาอาชีพ เพราะมีบุญฤทธิ์ครอบจักรวาล

 


     สำหรับความเกี่ยวพันธ์ของปู่นารอทกับนกสาริกา ตามประวัติความเป็นมาซึ่งถูบันทึกไว้ในคัมภีร์ปุราณะว่า มีพระฤาษีตนหนึ่ง ซึ่งแต่เดิม เคยเป็นกษัตริย์ปกครองเมืองสาเกตุในเขตแดนชมพูทวีป เป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่ไม่ประสบความสำเร็จเรื่องความรัก จึงเกิดการเบื่อหน่าย ตัดสินใจสละราชบัลังก์เพื่อแสวงหาความสงบมุ่งบำเพ็ญเพียรจนสำเร็จเป็นมนุษย์กึ่งเทวดามีอายุยืนยาวหลายพันปี มีตะบะฌาณแก่กล้าสามารถเรียกดิน น้ำ ลม ไฟ ได้ดั่งใจปรารถนา ชุปชีวิตคนตายให้ฟื้นคืนชีพ จนกระทั่งวันหนึ่งขณะเข้าฌาณสมาบัตินานหลายเดือน ปรากฏว่ามีนกกระจาบสองตัวผัวเมียมาทำรังที่ในหนวดเคราที่ยาวรกรุงรัง วันหนึ่งนกกระจาบตัวผู้ก็บอกให้เมียเฝ้ารังเพราะกำลังตั้งท้องส่วนตัวเองจะบินออกไปหาอาหาร ปรากฏว่า นกกระจาบตัวผู้มัวไปหลงละเริงคลุกเคล้ากลิ่นเกสรดอกมบัวกลางบึงขนาดใหญ่ จนพระอาทิตย์ตกดิน ดอกบัวก็ผลุบกลีบปิดขังนกกระจาบตัวผู้อยู่ภายในทั้งคืน พอรุ่งเช้า รอจนพระอาทิตย์ขึ้นกลีบดอกบัวจึงคลี่ออก รีบบินกลับรัง นกกระจาบตัวเมียอยู่ในอารมณ์ที่ระแวงและขี้น้อยใจที่นกสามีหายไปทั้งคืน ก็เกิดการถกเถียงกันจนเสียงเจี๊ยวจ้าว ปลุกให้ฤาษีโคดมออกจากฌาณก่อนกำหนด แล้วท่านก็สดับรับฟังข้อถกเถียง นกตัวผู้จึงบอกกับนกตัวเมียว่า หากเราพูดโกหก ก็ขอให้เรารับปาบทั้งหมดของพระฤาษีโคดม ซึ่งพระฤาษีโคดม ก็แปลกใจ ทำไมมาเกี่ยวข้องอะไรกับท่าน จึงถามนกกระจาบตัวผู้ว่า เรามีบาปอะไร ในเมื่อเราก็ถือศีลบำเพ็ญพรต นกกระจาบตัวผู้ จึงบอกว่า เพราะท่านมีบาปตรงที่ไม่มีผู้สืบสกุล ไม่มีลูกไม่มีเมีย บาปที่ทิ้งบ้านเมืองมาเพื่อแสวงหาความสัณโดษ ถือเป็นความเห็นแก่ตัวอย่างยิ่ง เมื่อฤาษีโคดมได้ยินดังนั้น ก็คิดสั่งสอน เจ้านี่ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงบังอาจจาบจ้วงล่วงเกินเราฤาษีโคดมผู้ทรงฌาณแก่กล้า ว่าแล้วก็เอามือรวบนวดเคราคว้านกกระจาบสองตัวผัวเมียโยนไปข้างหน้าบริเวณที่บูชาไฟแล้วเนรมิตรมหาอัคคีสาปแช่งเผานกกระจาบสองตัวผัวเมียจนมอดไหม้ แต่เกิดชุกคิดขึ้นมาได้ เพื่อลบคำปรามาสอ้างอิงของนกระจาบตัวผู้ พระฤาษีโคดม จึงร่ายพระเวทด้วยการเอาน้ำพระแม่คงคา ชุบชีวิตนกกระจาบตัวเมีย จึงเกิดเป็น “นางกาลอัจนา”แล้วครองตนเป็นชายาฤาษีโดดมจนมีธิดาสาวสวย ชื่อว่า “นางสวาหะ” ซึ่งเป็นมารดาของหนุมาน ส่วนนกกระจาบตัวผู้ก็ไปเกิดเป็นนกสาริกาชดใช้กรรมตามคำสาปของฤาษีโคดม หลังจากที่ไปเกิดเป็นนกอีกครั้ง นกสาริกา ก็เที่ยวบินไปตามป่าเขาลำเนาไพร ส่งเสียงกู่ร้องเพรียกหาคู่ จนกระทั่งบินผ่านเขาโสฬส อันเป็นสถานที่พำนักของปู่ฤาษีนารอท ระหว่างนั้น
ปู่ฤาษีนารอทกำลังเข้าฌาณสมาบัติอยู่ เสียงกู่ ร้องเพรียกหาคู่ของเจ้านกสาริกา ณ บัดนั้น ภาพนิมิตรปูมหลังของเจ้านกน้อยผู้ต้องคำสาป ก็ปรากฏแจ่มแจ้งในข่ายญาณของฤาษีนารอท ทำให้ท่านเกิดความเมตตายื่นแขน เรียกเจ้านกสาริกาให้บินมาเกาะ แล้วประทานพรศักดิสิทธิ์แก่เจ้านกสาริกา เพื่อให้มีบารมีในการช่วยเหลือผู้คนที่ผิดหวังในความรัก ให้ได้สมความปรารถนา ใครที่มา
ขอพรเจ้าหรือจำลองรูปเจ้าด้วยการแกะสลักเป็นตัวเจ้า เขาผู้นั้นก็จะสมความปรารถนาในความรัก มนต์เสียงร้องของเจ้าจะทำลายมนต์ตราสายดำทุกสายให้เสื่อมถอยพ่ายแพ้ต่อเจ้า หลังให้พร ก็เนรมิตรป่าอันเป็นที่พักอาศัยทำรวงรังให้นกสาริกาเพื่อปลอดภัยจากการทำร้ายของสัตว์ป่าหรือเหล่าอสูรเทวาที่มีจิตใจเหี้ยมโหด ขอย้อนกล่าวถึงครอบครัวมหาเศรษฐีที่พักอาศัยอยู่ในดินแดนชมพูทวีป มีภรรยามากมายรวมถึงข้าทาสบริวารหลายร้อยคน แต่ภรรยาหลวงเป็นผู้ฝักไฝ่ในธรรมมีจิตใจเมตตา ท่านเศรษฐีก็เกิดความรักใคร่หลงไหลอย่างมาก จึงถึงกับสร้างปราสาทสามฤดูให้อยู่จนเป็นที่อิจฉาตาร้อนของบรรดาภรรยาคนอื่นๆ ดังนั้น พวกเธอจึงวางแผนไปหานักพรตตระกูลพราหมณ์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านคุณไสย มนต์ดำมหาเสน่ห์ เพื่อประกอบพิธีทำเสน่ห์เล่ห์กลให้ท่านเศรษฐี ได้มาหลงไหลพวกนาง แล้วก็ได้ผล เมื่อท่านเศรษฐี โดนมนต์ของพวกนาง จึงขวางหูขวางตากับนางผู้เป็นภรรยาหลวงยิ่งนัก ฝ่ายกลุ่มภรรยาน้อยก็วางแผนใส่ร้ายป้ายสีต่างๆ นานา จนท่านเศรษฐีก็ไล่นางผู้เป็นภรรยาหลวงออกจากบ้าน แถมยังถูกมนต์ดำทำให้คนทั่วไปเห็นนางแล้วเกิดความรังเกียจ นางก็ร่อนเร่พเนจรเป็นจัณฑานขอทานเลี้ยงชีพมีความทุกข์ระดมแสนสาหัส จนกระทั่งมีกลุ่มโจรใจบาปไปพบนาง ก็ฉุดนางเข้าไปในป่า พวกมันหวังจะข่มขืนแล้วจับให้เป็นนางทาสหรือไม่ก็ฆ่าทิ้ง ระหว่างที่ชะตานางจะถึงฆาต ก็ไปเกิดภาพนิมิตรในข่ายญาณของปู่นารอท เห็นว่าจะช้าอยู่ไม่ได้ ขืนไม่ช่วยก็จะเป็นบาปกับท่าน จึงล่องหนหายตัวไปปรากฏร่างช่วยเหลือนางผู้เป็นภรรยาหลวง หลังจากนั้นก็ร่ายมนต์ตรา เนรมิตรเสื้อผ้าอาภรณ์ให้ใหม่หมด ผิวพรรณวรรณะสดใส จากนั้นก็ถามว่า เธอจะบวชเพื่อแสวงหาความสัณโดษหรือไม่ นางผู้เป็นภรรยาหลวง ปฏิเสธที่จะบวชถือศีล แต่ ขอกลับไปรับใช้ท่านเศรษฐีผู้เป็นสามีที่บ้านเดิม ท่านฤาษีนารอทก็แนะนำให้ไปขอพรจากนกสาริกา ที่ป่าสาริกา หลังจากนั้น นางผู้เป็นภรรยาหลวง ก็เดินทางไปเข้าไปในป่าสาริกา แล้วไปพบนกสาริกา บอกความประสงค์ของนาง นกสาริกาจึงให้แลบลิ้น แล้วใช้จงงอย จิกที่ลิ้นเพื่อให้เป็นสาริกาลิ้นทอง เมื่อไปถึงบ้าน ให้พูดว่า ผัวขาข้าผู้เป็นเมียกลับมาแล้ว เมื่อได้รับพรอันวิเศษ จากนกสาริกาแล้ว นางก็เดินทางกลับบ้าน ระหว่างทาง ไม่ว่าจะพบสัตว์ ร้ายนานาชนิด หรือโจรผู้ร้ายระหว่างทาง กลับไม่ทำร้ายหรือทำอันตรายแก่นางเลยน จนกระทั่งกลับไปถึงบ้านเศรษฐี พูดว่า ผัวจ๋า เมียกลับมาแล้ว ท่านเศรษฐีเห็นดังนั้น ด้วยฤทธิ์อำนาจแห่งสาริกา มนต์ดำต่างๆ ที่บรรดาภรรยาน้อยได้ทำเอาไว้ ก็เสื่อมสลายไปหมดสิ้น ท่านเศรษฐีก็โผเข้ากอดเมียรัก ส่วนบรรดาภรรยาน้อยก็เข้ามากราบขอโทษขอโพย พร้อมที่จะรับผิดรับบาปที่ก่อขึ้น ท่านมหาเศรษฐี ก็สั่งเฆี่ยนตีแล้วขับไล่ แต่นางผู้เป็นภรรยาหลวงทัดทานเอาไว้ ในที่สุด ชีวิตของนางก็อยู่เย็นเป็นสุขครองเรือนกับท่านเศรษฐีตลอดอายุไข

 

บทสรุป นี่คือเรื่องราวตำนานของปู่ฤาษีนารอทสาริกามหาเสน่ห์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรก ครั้งเดียวในประวัติศาสตร์การสร้างเหรียญสามกษัตริย์พ่อแก่นารอทของ ท่านอาจารยน์ศุภณัฏฐ์ อัฏฐวัฒน์ เพราะพุทธคุณเหรียญนี้ ดีเด่นในทางเมตตามหานิยม นกสาริกาและไซดักปลา ซึ่งอยู่ด้านหลังเหรียญ แสดงถึงความมั่งคั่งร่ำรวย ไซก็ดักเงินดักทอง สาริกามหาเสน่ห์ ไม่ว่าท่านจะทำการค้าขายใดๆ หรือทำงานด้านใดก็แล้วแต่ จะประกอบอาชีพอะไร ไม่จำกัด ท่านสามารถเช่าบูชาเหรียญนี้ไปคล้องคอ ห้อยติดตัวเพื่อหนุนดวง หรือถ้าท่านเกิดปีชง เหรียญปู่นารอทนี้ ก็จะสามารถแก้ชง หนุนดวง ดดยเฉพาะคนที่กำลังเข้าสูงวัยเบญจเพศถ้าได้มีโอกาสคล้องพ่อแก่นารอทสาริกามหาเสน่ห์ ท่านจะแคล้วคลาดปลอดภัย จะเป็นศิลปินดาราก็สามารถห้อยติดตัวได้เป็นเมตตามหานิยมอย่างดียิ่ง หากท่านใดสนใจติดต่อที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คุณนก 089-9245668