พระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมพระพุทธเจ้าที่ยังคงไว้เพื่อให้ชาวพุทธยึดถือและปฏิบัติสืบทอดกันต่อๆมา
ยังความสุขสถาพรแก่ผู้ปฏิบัติได้อย่างแท้จริง
แม้พระพุทธองค์จะเสด็จเข้าสู่พระปรินิพานไปนานกว่า 2500 ปีล่วงไปแล้วก็ตาม แต่
ธรรมของพระองค์ ยังคงเป็นสัจธรรมที่ไม่เคยดับสลายไปกับกาลเวลา มีแต่จะเจริญงอกงามเพิ่มพูนด้วยความศรัทธาของชาวพุทธศาสนาก่อให้เกิดการขยายวงกว้างของผู้คนทุกชาติทุกเผ่าพันธุ์ที่เริ่มหันมานับถือศาสนาพุทธกันอย่างมากมาย
นื่คือความมหัศจรรย์ที่เราท่านสัมผัสได้ด้วยรูปธรรม
เหนืออื่นใดนอกจากพระธรรมคำสั่งสอนของพระสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว
ยังมีสิ่งที่มหัศจรรย์ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันเลย นั่นคือ พระบรมสารีริกธาตุ
หรืออิฐธาตุของพระพุทธเจ้า
ย้อนหลังกลับไปสู่พุทธกาล 25,000 ปี
หลังจากที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จปรินิพพาน ณ สวนป่าสลวัน บรรดามัลลกษัตริย์ทั้งหลาย
ได้ทำการบูชาสัการะพระพุทธสรีระกันอย่างมโหฬารเป็นเวลากว่า 6 วันย 6 คืน
และมีการตั้งขบวนแห่อัณเชิญพระบรมศพไปสู่ทิศบูรพา อันเป็นที่ตั้งของ
มกุฏพันธนเจดีย์ แล้วรอจนพระอัครสาวกองค์สุดท้ายมาถึงคือพระมหากัสสปเถระ
เทพดาจึงพร้อมใจกันร่วมถวายพระเพลิงทิพย์ลุกพวยพุ่งเผาพระพุทธสรีระจนหมดสิ้น
แต่ด้วยพระพุทธบารมี ทำให้ยังคงเหลือสิ่งอันเป็นมหัศจรรย์แห่งพระพุทธศาสนาดังนี้
1.พระบรมสารีกธาตุทุกส่วนถูกแบ่งและตวงได้มากถึง 16 ทะนาน
โดยพราหมณ์ผู้มีนามว่า “โทณะ”
เป็นผู้จัดสรรปันส่วนให้บรรดากษัตริย์ทั้งหมด 7 เมือง 1. เมืองราชคฤห์ 2. เมืองกบิลพัสดุ์3.เมืองเวสาลี
4.อัลลกัปปะ 5.เมืองรามคาม 6.เมืองปาวา 7.เมืองเวฏฐทีปกะ
2.
พระเขี้ยวแก้วเบื้องขวาและรากขวัญเบื้องขวาขึ้นไปประดิษฐาน ในจุฬามณีเจดีย์ ณ
ดาวดึงส์เทวโลก
3.พระเขี้ยวแก้วเบื้องล่างด้านซ้ายลงไปประดาฐาน
ณ เมืองพญานาคพิภพ
4.พระเขี้ยวแก้วเบื้องขวา ประดิษฐาน ณ เมืองกาลิงคะ ปัจจุบันประดิษฐานที่
ประเทศศรีลังกา
5.พระรากขวัญและพระอุณหิส ประดิษฐานอยู่ ณ ทุสสเจดีย์ พรหมโลก
6.พระเขี้ยวแก้วเบื้องบนด้านซ้าย
ประดิษฐาน ณ เมืองคันธาระ
7.พระทนต์ทั้ง 36 องค์ และพระโลมา นขา ทั้ง 20 องค์
ได้เสด็จกระจายไปทั่งจักรวาลโยมีเหล่าเทพดาผู้มีบุญเฝ้าดูแลรักษาตลอดกาล
ทั้งหมดนี้คือพุทธอนุสรณ์ที่ พระบรมศาสดาของเราได้เหลือไว้ให้เป็นรูปธรรม
เพื่อเป็นกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติบูชา ว่า ธรรมมีอยู่จริง ผู้ปฏิบัติดีแล้ว
แม้สรีระก็สะอาดใสดุจแก้วแวววาว
หลังจากได้มีการแบ่งสันปันส่วนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
พระมหากัสสปะได้เล็งเห็นด้วยอำนาจแห่งญาณบารมีว่า ภายภาคหน้าในยุคหลังพระปรินิพาน
จะเกิดกลียุค จะมีการเข่นฆ่า และแย่งชิงเกิดขึ้น จึงปรึกษาพระเจ้าอชาตศัตรูว่า
ควรจะหาสถานที่ฝังพระบรมสารีริกธาตุทั้งหมดให้พ้นจากภัยสงคราม
อันจะเกิดขึ้นในอีกไม่ถึงร้อยปีข้างหน้า
พระเจ้าอชาติศัตรูก็เห็นดีด้วย
ได้อนุญาตให้มหากัสสปะ ทำอิทธฤทธิ์ปาฏิหาริย์ อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ
จากเมืองต่างๆ ซึ่งบัดนั้น ได้ถูกบรรจุอยู่ในพระเจดีย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
มารวมกันอยู่ที่ กรุงราชคฤห์ โดยพระองค์ได้สั่งให้ขุดหลุดลึก 80 ศอก
แล้วอัญเชิญพระบรมสารีริกาตุทั้งหมดลงในหีบทองแดงและหีบไม้จันทร์ฝังลงไปในหลุม
แล้วก่อเจดีย์ครบไว้จนไม่สามารถจะมีสิ่งใดรุกล้ำเข้าไปได้
กาลต่อมา
218 ปี สมัยพระเจ้าธรรมาโศกราช ทรงเสวยราชสมบัติ ณ กรุงปาตลีบุตร
และมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา และรู้มาจากพระเถระผู้ใหญ่ว่า
มีพระบรมสารีริกธาตุฝังอยู่ในใต้เมืองราชคฤห์ จึงมีรับสั่งให้อัญเชิญขึ้นมา
แล้วสร้างพระเจดีย์มากถึง 8 หมื่น 4 พันองค์
แล้วทรงอธิษฐานอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุเสด็จประดิษฐานในเจดีย์ทั้งหมดจนครบ
นอกจากนี้
พระบรมสารีรริกธาตุยังแสดงปาฏิหาริย์เสด็จสู่ท้องนภากาศไปตามเมืองและทวีปต่างๆ
จนประมาณมิได้
นี่คือที่มาของพระบรมสารีริกธาตุหรืออิฐธาตุของพระพุทธเจ้าว่า
ทำไมมีมากมายเหลือเกิน โดยเฉพาะประเทศในแถบทวีเอเชียของเรา แต่สำหรับประเทศไทยของเรานั้น ถือได้ว่า
เป็นเมืองพุทธ ที่มีคว่ามเจริญรุ่งเรืองมาก แต่น่าแปลกที่ ประเทศไทยของเรา
กลับพบว่า พระบรมสารีริกธาตุมีน้อยเหลือเกิน
จะรู้แต่เพียงว่า ตามพระเจดีย์องค์สำคัญของเมืองไทยซึ่งมีอยู่ทุกภาค
จะบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไม่เกินเจดีย์และ 20 องค์ ซึ่งมาในระยะหลังๆ พุทธศานิกชนที่เดินทางไปต่างประเทศ
มักจะไปอัยเชิญเข้ามา