ข้าพเจ้าอยากจะเขียนเรื่องนี้นานแล้ว พยายามบันทึกข้อมูลจากคำบอกเล่าของพระเถราจารย์ชั้นผู้ใหญ่ที่อยู่ในวัดบวรนิเวศวิหาร
สืบเนื่องเพราะข้าพเจ้าในฐานะประธานมูลนิแสงธรรม ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ได้รับพระเมตตาจากสมเด็จพระพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานผงพุทธคุณ เมื่อปี๒๕๕๒
โดยมีหนังสือรับรองการประทานจากสำนักเลขาสมเด็จพระสังฆราชฯ ที่ พ ๔๐๕/๒๕๕๒
วันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๒ ลักษณะของผงพุทธคุณ
จะมีพื้นสีออกน้ำตาลไหม้ ความหนาแน่นน้อย เบา มีกลิ่นหอมมากคล้ายกลิ่นไม้กฤษณา
ทำให้สัณนิฐานได้ว่า มีองค์ประกอบรวมๆ ของมวลดอกไม้ชนิดต่างๆ ที่ไม่สามารถแยกแยะจำแนกได้ว่า
เป็นพันธุ์พฤกษามงคลใดบ้างๆ แต่โดยรวม ผงพุทธคุณ ที่สมเด็จพระสังฆราช
ได้ประทานให้แก่ หน่วยงาน หรือวัดวาอาราม ต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย มีความศักดิ์สิทธิ์มากนัก
และเป็นที่ปรารถนา ของเหล่าเกจิอาจารย์ที่ต้องการจะสร้างพระเนื้อผง
เพราะถือเป็นมวลสาร จากพระประมุขแห่งสถาบันสงฆ์ของชาติไทย
และใช่ว่าจะได้รับกันง่ายๆ ผู้ที่จะสามารถขอประทานได้ จะทำหนังสือผ่านสำนักเลขา
แล้วสำนักเลขา ก็ต้องนำความขึ้นกราบทูลทรงทราบฝ่าพระบาท
แล้วมีหนังสือประทานกำกับทุกครั้ง ระหว่างที่พระสมเด็จพระสังฆราช ยังทรงพระชันษา
ประทับอยู่ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงมีความเมตตาหาที่สุดมิได้ ไม่ว่าคณะกลุมบุคคลหน่วยงานภาครัฐ
หรือภาคเอกชน รวมถึงวัดวาอาราม จะชั้นไหนก็ตาม เมื่อมีหนังสือขอพระเมตตาประทาน(ไม่ใช้คำว่าพระราชทาน)
ผงพุทธคุณ มา จะทรงพระเมตตาประทานให้ทุกคณะไป ซึ่งส่วนใหญ่นำไปสร้างวัตถุมงคล
ดังที่เราจะได้เห็นหลายๆ วัดหลายๆคณาจารย์ เวลาสร้างพระ ท่านเหล่านั้นจะติดประกาศว่า
มีส่วนผงพุทธคุณสมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร อย่างล่าสุด ที่กองทัพบก
ได้จัดสร้างพระพุทธเมตตาเสนานาถ ซึ่งมีทั้งพระบูชา เหรียญ และพระเนื้อผง
ก็ได้รับประทานผงพุทธคุณวัดบวรฯจากสมเด็จพระสังฆราช เช่นกัน และที่มาของผงพุทธคุณ
ก็ไม่ธรรมดา อันเนื่องมาจาก อดีตสมเด็จพระสังฆราช สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า (มรว.ชื่น นพวงศ์) ฉายาสุจิต.โต) ซึ่งเป็นพระราชอุปฌาย์เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงผนวช
พระองค์ได้ทรงรับการยกย่องจากพระพระเถราจารย์ในยุคนั้นว่า
เป็นพระสังฆราชที่ทรงคุณธรรมชั้นสูง และพระองค์ก็สร้างวัตถุมงคลล้ำค่าในประเทศไทย
ณ ปัจจุบันนี้ ราคาหลักแสนปลาย คือพระกริ่งไพรีพินาศและพระกริ่ง สุจิตโต รวมถึงพระบูชาไพรีพินาศในยุคนั้น
ซึ่งเดี๋ยวนี้ราคาหลักล้าน ฉะนั้นที่มาของผงพุทธคุณวัดบวร
จึงสืบสายคุณวิเศษมาจากสมเด็จพระสังฆราชในยุคนั้น อันเนื่องจากสมเด็จพระญาณสังวร
ทรงเป็นเสมือนผู้สืบทอดวิชาการและศาสตร์ในการสร้างสิ่งสักการะมงคลจากสมเด็จกรมหลวงวชิรญาณวงศ์ผู้เป็นอาจารย์และพระอุปฌาย์
เหตุผลแห่งการยกย่องสมเด็จพระญาณสังวร
คือพระสงฆ์ผู้ทรงคุณธรรมพระองค์ มีมากมายหลายข้อ ไม่ว่าจะเป็นแนวทางการปฏิบัติ ศีลาจาริยะวัตรอันงดงาม
ปราศจากความมัวหมองทั้งปวง พระองค์จึงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นพระราชาคณะสมเด็จพระญาณสังวรปี
พ.ศ. ๒๕๑๕ ซึ่งราชทินนามนี้ เกิดขึ้นสมัยรัชกาลที่
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศราชนภาลัย ทรงพระราชทานสถาปนาให้สมเด็จพระอริยะวงศาญาณ
สมเด็จพระสังฆราช (สุก ญาณสังวร) ซึ่งมีความหมายว่า
พระเถระผู้ทรงคุณทางวิปัสสนาธุระโดยเฉพาะ ฉะนั้น พระสมเด็จพระญาณสังวร
จึงเป็นพระราชาคณะ ที่ถูกยกย่องให้เป็นผู้ทรงคุณด้านวิปัสสนาธุระ
ฉะนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า “ผงพุทธคุณ” ซึ่งถือเป็นหัวใจในการสร้างวัตถุมงคล
ของพระองค์ท่าน จะศักดิ์สิทธิ์แค่ไหน เพราะพระองค์
ได้ทำการอธิษฐานจิตอยู่ทุกวันเวลาทุกครั้งในปฏิบัติศาสนกิจของสงฆ์ทุกเช้า-เย็น
ในพระอุโบสถและวิหารภายในวัดบวรนิเวศ มวลสารต่างอันเป็นส่วนประกอบของผงพุทธคุณ
มีมากมายหลายอย่าง อาทิ ดอกไม้บูชาจากพุทธสถานหลายแห่งในประเทศศรีลังกา อินเดีย
ที่พระองค์เสด็จไปและดอกว่านร้อยแปด ผงอิทธิเจ
ผงพุทะคุณในราชพิธีมังคลาภิเษกเนื่องในวโรกาสต่างๆทั้งหมดนี้
จึงรวมอยู่ในผงพุทธคุณของสมเด็จพระสังฆราช
และในปี ๒๕๑๙
สมเด็จพระญาณสังวร ได้จัดสร้างพระผง “สมเด็จอรหัง” ด้านหลังเป็นลายพระหัตถ์
ซึ่งพระผงชุดนี้โด่งดังและหายาก ซึ่งเป็นผงพุทธคุณล้วนๆ
และยังประทานพระเกศาไว้ด้านหลังองค์ เมื่อ ปี ๒๕๓๑ สมเด็จพระอริยวงศคตญาณ
สมเด็จพระสังฆราช(วาสน์ วาสโน)สิ้นพระชนม์ ปีถัดมา พระองค์จึงได้รับการสถาปาขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช
สกลมหาสังฆปริณายก องค์ที่ 19
ตลอดเวลาที่ผ่านมา
ทางวัดบวรนิเวศวิหาร จึงมีการจัดสร้างวัตถุมงคลเรื่อยมา และในการจัดสร้างทุกครั้ง
ก็จะขอประทานพระเมตตาให้สมเด็จพระสังฆราชอธิษฐานจิตให้ทุกครั้ง
โดยเฉพาะพระผงสมเด็จพระไพรีพินาศ พระผงสมเด็จจิตรลดา พระผงสมเด็จพระศาสนา ปี
๓๔-๓๕-๓๖ ได้รับความนิยมมาก เพราะมีส่วนผสมผงพุทธคุณ
ทุกพิมพ์
ผงพุทธคุณมีความเกี่ยวพันธ์กับพระผงจิตรดาอย่างไร..อันเนื่องจากสมเด็จพระญาณสังวร
ทรงได้รับการแต่งตั้งจากสมเด็จ กรมหลวงวขิรญาณวงศ์ สมเด็จพระสังฆราชสมัยนั้น
ให้เป็นพระอภิบาล (พระพี่เลี้ยง) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในหลวงขณะทรงผนวช
ประทับอยู่ ณ พระตำหนักวัดบวรฯ ซึ่งเป็นประหนึ่งพระอาจารย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทำให้ผงพุทธคุณกับพระผงจิตรดาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่พระราชทานจัดสร้างขึ้นในพระราชวังสวนจิตรดา
ในปี ๒๕๐๘-๒๕๑๓ จึงมีความเหมือนและทำให้หลายคนเชื่อได้ว่า คืออันหนึ่งอันเดียวกัน กับผงพุทธคุณของสมเด็จพระญาณสังวร
ฉะนั้นเวลาวัดวาอารมในราชอาณาจักร์ประเทศไทย หรือคณะบุคคลจากหน่อยงาน ต่างๆ ทั้งรัฐและเอกชน
จะมีการจัดสร้างวัตถุมงคล จึงมีหนังสือขอประทานผงพุทธคุณมาในนาม ผงจิตรดา ซึ่งทางสำนักเลขาสมเด็จพระสังฆราช
จึงตอบจดหมายกลับด้วยการประทานผงพุทธคุณทุกครั้ง เพื่อป้องกันการนำชื่อผงจิตรดา
ไปแอบอ้าง โฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งอาจจะทำให้ระคายเคืองเบื้องยุคลบาท ส่วนใครจะคิดว่า
เป็นผงจิตรดาหรือผงวิเศษใด ๆ ก็สุดแท้ แต่ถ้าจะนำไปอ้างอิง ต้องใช้คำว่าผงพุทธคุณเท่านั้น
จึงเป็นเหตุผลให้สิ่งสักการะมงคล รุ่น 100 สมเด็จพระสังฆราชที่เป็นพระเนื้อผง
ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะทุกองค์มีส่วนผสมของผงพุทธคุณไว้อย่างมากมาย เพราะถือเป็นครั้งสุดท้ายในการจัดสร้างพระผงรูปเหมือนรูปเคารพสมเด็จพระสังฆราช
ของวัดบวรนิเวศวิหาร ซึ่งต่อไปภายหน้า
จะไม่มีใครหรือหน่วยงานไหนได้อีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผงพุทธคุณ
หรือพระบรมสารีริกธาตุที่สมเด็จพระสังฆราช มีพระเมตาประทานให้กับหน่วยงานต่างๆ
ทุกเดือน การประทานทุกครั้ง ก็ต้องมีหนังสือจากสำนักเลขาตอบกลับเช่นกัน
โดยพระเทพสารเวที
หรือเจ้าคุณโก๋ผู้ปฏิบติหน้าที่เลขานุการสมเด็จพระสังฆราชเป็นผู้ออกหนังสือประทานให้
ณ วันนี้
แม้จะเราจะสิ้นร่มโพธิ์ธรรมที่พวกเราชาวไทยรักและเคารพสุดซึ้ง ไปแล้ว แต่สิ่งสักการะมงคลของพระองค์
ยังมีให้เราได้เก็บรักษาบูชาและรำลึกนึกถึงความดีงามของพระองค์ท่านตลอดไป
พระพุทธรรมิกราชบพิตร เนื้อผงวพุทธคุณ วัดบวร |
พระผงพุทธคุณรุ่น 100 ปี วัดบวรฯ สร้างก่อนสมเด็จพระสังฆราชสิ้นพระชนม์ |