วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ผงพุทธคุณ สมเด็จพระสังฆราชฯ สุดยอดมวลสารวิเศษแห่งวัดบวรนิเวศวิหาร



             

             ข้าพเจ้าอยากจะเขียนเรื่องนี้นานแล้ว พยายามบันทึกข้อมูลจากคำบอกเล่าของพระเถราจารย์ชั้นผู้ใหญ่ที่อยู่ในวัดบวรนิเวศวิหาร สืบเนื่องเพราะข้าพเจ้าในฐานะประธานมูลนิแสงธรรม ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ได้รับพระเมตตาจากสมเด็จพระพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานผงพุทธคุณ เมื่อปี๒๕๕๒  โดยมีหนังสือรับรองการประทานจากสำนักเลขาสมเด็จพระสังฆราชฯ ที่ พ ๔๐๕/๒๕๕๒ วันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๒  ลักษณะของผงพุทธคุณ จะมีพื้นสีออกน้ำตาลไหม้ ความหนาแน่นน้อย เบา มีกลิ่นหอมมากคล้ายกลิ่นไม้กฤษณา ทำให้สัณนิฐานได้ว่า มีองค์ประกอบรวมๆ ของมวลดอกไม้ชนิดต่างๆ ที่ไม่สามารถแยกแยะจำแนกได้ว่า เป็นพันธุ์พฤกษามงคลใดบ้างๆ แต่โดยรวม ผงพุทธคุณ ที่สมเด็จพระสังฆราช ได้ประทานให้แก่ หน่วยงาน หรือวัดวาอาราม ต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย มีความศักดิ์สิทธิ์มากนัก และเป็นที่ปรารถนา ของเหล่าเกจิอาจารย์ที่ต้องการจะสร้างพระเนื้อผง เพราะถือเป็นมวลสาร จากพระประมุขแห่งสถาบันสงฆ์ของชาติไทย และใช่ว่าจะได้รับกันง่ายๆ ผู้ที่จะสามารถขอประทานได้ จะทำหนังสือผ่านสำนักเลขา แล้วสำนักเลขา ก็ต้องนำความขึ้นกราบทูลทรงทราบฝ่าพระบาท แล้วมีหนังสือประทานกำกับทุกครั้ง ระหว่างที่พระสมเด็จพระสังฆราช ยังทรงพระชันษา ประทับอยู่ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงมีความเมตตาหาที่สุดมิได้ ไม่ว่าคณะกลุมบุคคลหน่วยงานภาครัฐ หรือภาคเอกชน รวมถึงวัดวาอาราม จะชั้นไหนก็ตาม เมื่อมีหนังสือขอพระเมตตาประทาน(ไม่ใช้คำว่าพระราชทาน) ผงพุทธคุณ มา จะทรงพระเมตตาประทานให้ทุกคณะไป ซึ่งส่วนใหญ่นำไปสร้างวัตถุมงคล ดังที่เราจะได้เห็นหลายๆ วัดหลายๆคณาจารย์ เวลาสร้างพระ ท่านเหล่านั้นจะติดประกาศว่า มีส่วนผงพุทธคุณสมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร อย่างล่าสุด ที่กองทัพบก ได้จัดสร้างพระพุทธเมตตาเสนานาถ ซึ่งมีทั้งพระบูชา เหรียญ และพระเนื้อผง ก็ได้รับประทานผงพุทธคุณวัดบวรฯจากสมเด็จพระสังฆราช เช่นกัน และที่มาของผงพุทธคุณ ก็ไม่ธรรมดา อันเนื่องมาจาก อดีตสมเด็จพระสังฆราช สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า (มรว.ชื่น นพวงศ์)   ฉายาสุจิต.โต)  ซึ่งเป็นพระราชอุปฌาย์เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงผนวช พระองค์ได้ทรงรับการยกย่องจากพระพระเถราจารย์ในยุคนั้นว่า เป็นพระสังฆราชที่ทรงคุณธรรมชั้นสูง และพระองค์ก็สร้างวัตถุมงคลล้ำค่าในประเทศไทย ณ ปัจจุบันนี้ ราคาหลักแสนปลาย คือพระกริ่งไพรีพินาศและพระกริ่ง สุจิตโต รวมถึงพระบูชาไพรีพินาศในยุคนั้น ซึ่งเดี๋ยวนี้ราคาหลักล้าน ฉะนั้นที่มาของผงพุทธคุณวัดบวร จึงสืบสายคุณวิเศษมาจากสมเด็จพระสังฆราชในยุคนั้น อันเนื่องจากสมเด็จพระญาณสังวร ทรงเป็นเสมือนผู้สืบทอดวิชาการและศาสตร์ในการสร้างสิ่งสักการะมงคลจากสมเด็จกรมหลวงวชิรญาณวงศ์ผู้เป็นอาจารย์และพระอุปฌาย์

ผงพุทธคุณที่มูลนิธิแสงธรรมในรับประทานจากสมเด็จพระสังฆราช
    เหตุผลแห่งการยกย่องสมเด็จพระญาณสังวร คือพระสงฆ์ผู้ทรงคุณธรรมพระองค์ มีมากมายหลายข้อ ไม่ว่าจะเป็นแนวทางการปฏิบัติ ศีลาจาริยะวัตรอันงดงาม ปราศจากความมัวหมองทั้งปวง พระองค์จึงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นพระราชาคณะสมเด็จพระญาณสังวรปี พ.ศ. ๒๕๑๕ ซึ่งราชทินนามนี้ เกิดขึ้นสมัยรัชกาลที่ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศราชนภาลัย ทรงพระราชทานสถาปนาให้สมเด็จพระอริยะวงศาญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สุก ญาณสังวร) ซึ่งมีความหมายว่า พระเถระผู้ทรงคุณทางวิปัสสนาธุระโดยเฉพาะ ฉะนั้น พระสมเด็จพระญาณสังวร จึงเป็นพระราชาคณะ ที่ถูกยกย่องให้เป็นผู้ทรงคุณด้านวิปัสสนาธุระ ฉะนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า “ผงพุทธคุณ” ซึ่งถือเป็นหัวใจในการสร้างวัตถุมงคล ของพระองค์ท่าน จะศักดิ์สิทธิ์แค่ไหน เพราะพระองค์ ได้ทำการอธิษฐานจิตอยู่ทุกวันเวลาทุกครั้งในปฏิบัติศาสนกิจของสงฆ์ทุกเช้า-เย็น ในพระอุโบสถและวิหารภายในวัดบวรนิเวศ มวลสารต่างอันเป็นส่วนประกอบของผงพุทธคุณ มีมากมายหลายอย่าง อาทิ ดอกไม้บูชาจากพุทธสถานหลายแห่งในประเทศศรีลังกา อินเดีย ที่พระองค์เสด็จไปและดอกว่านร้อยแปด ผงอิทธิเจ ผงพุทะคุณในราชพิธีมังคลาภิเษกเนื่องในวโรกาสต่างๆทั้งหมดนี้ จึงรวมอยู่ในผงพุทธคุณของสมเด็จพระสังฆราช

พระบูชาไพรีพินาศ ปี 2495 ราคาหลักล้าน
                    และในปี ๒๕๑๙ สมเด็จพระญาณสังวร ได้จัดสร้างพระผง “สมเด็จอรหัง” ด้านหลังเป็นลายพระหัตถ์ ซึ่งพระผงชุดนี้โด่งดังและหายาก ซึ่งเป็นผงพุทธคุณล้วนๆ และยังประทานพระเกศาไว้ด้านหลังองค์ เมื่อ ปี ๒๕๓๑ สมเด็จพระอริยวงศคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช(วาสน์ วาสโน)สิ้นพระชนม์ ปีถัดมา พระองค์จึงได้รับการสถาปาขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก องค์ที่ 19
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทางวัดบวรนิเวศวิหาร จึงมีการจัดสร้างวัตถุมงคลเรื่อยมา และในการจัดสร้างทุกครั้ง ก็จะขอประทานพระเมตตาให้สมเด็จพระสังฆราชอธิษฐานจิตให้ทุกครั้ง โดยเฉพาะพระผงสมเด็จพระไพรีพินาศ พระผงสมเด็จจิตรลดา พระผงสมเด็จพระศาสนา ปี ๓๔-๓๕-๓๖ ได้รับความนิยมมาก เพราะมีส่วนผสมผงพุทธคุณ
ทุกพิมพ์
                     ผงพุทธคุณมีความเกี่ยวพันธ์กับพระผงจิตรดาอย่างไร..อันเนื่องจากสมเด็จพระญาณสังวร ทรงได้รับการแต่งตั้งจากสมเด็จ กรมหลวงวขิรญาณวงศ์ สมเด็จพระสังฆราชสมัยนั้น ให้เป็นพระอภิบาล (พระพี่เลี้ยง) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในหลวงขณะทรงผนวช ประทับอยู่ ณ พระตำหนักวัดบวรฯ ซึ่งเป็นประหนึ่งพระอาจารย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้ผงพุทธคุณกับพระผงจิตรดาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่พระราชทานจัดสร้างขึ้นในพระราชวังสวนจิตรดา ในปี ๒๕๐๘-๒๕๑๓ จึงมีความเหมือนและทำให้หลายคนเชื่อได้ว่า คืออันหนึ่งอันเดียวกัน กับผงพุทธคุณของสมเด็จพระญาณสังวร ฉะนั้นเวลาวัดวาอารมในราชอาณาจักร์ประเทศไทย หรือคณะบุคคลจากหน่อยงาน ต่างๆ ทั้งรัฐและเอกชน จะมีการจัดสร้างวัตถุมงคล จึงมีหนังสือขอประทานผงพุทธคุณมาในนาม ผงจิตรดา ซึ่งทางสำนักเลขาสมเด็จพระสังฆราช จึงตอบจดหมายกลับด้วยการประทานผงพุทธคุณทุกครั้ง เพื่อป้องกันการนำชื่อผงจิตรดา ไปแอบอ้าง โฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งอาจจะทำให้ระคายเคืองเบื้องยุคลบาท ส่วนใครจะคิดว่า เป็นผงจิตรดาหรือผงวิเศษใด ๆ ก็สุดแท้  แต่ถ้าจะนำไปอ้างอิง ต้องใช้คำว่าผงพุทธคุณเท่านั้น จึงเป็นเหตุผลให้สิ่งสักการะมงคล รุ่น 100 สมเด็จพระสังฆราชที่เป็นพระเนื้อผง ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะทุกองค์มีส่วนผสมของผงพุทธคุณไว้อย่างมากมาย เพราะถือเป็นครั้งสุดท้ายในการจัดสร้างพระผงรูปเหมือนรูปเคารพสมเด็จพระสังฆราช ของวัดบวรนิเวศวิหาร  ซึ่งต่อไปภายหน้า จะไม่มีใครหรือหน่วยงานไหนได้อีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผงพุทธคุณ หรือพระบรมสารีริกธาตุที่สมเด็จพระสังฆราช มีพระเมตาประทานให้กับหน่วยงานต่างๆ ทุกเดือน การประทานทุกครั้ง ก็ต้องมีหนังสือจากสำนักเลขาตอบกลับเช่นกัน โดยพระเทพสารเวที หรือเจ้าคุณโก๋ผู้ปฏิบติหน้าที่เลขานุการสมเด็จพระสังฆราชเป็นผู้ออกหนังสือประทานให้
                   ณ วันนี้ แม้จะเราจะสิ้นร่มโพธิ์ธรรมที่พวกเราชาวไทยรักและเคารพสุดซึ้ง ไปแล้ว แต่สิ่งสักการะมงคลของพระองค์ ยังมีให้เราได้เก็บรักษาบูชาและรำลึกนึกถึงความดีงามของพระองค์ท่านตลอดไป

พระพุทธรรมิกราชบพิตร เนื้อผงวพุทธคุณ วัดบวร

พระผงพุทธคุณรุ่น 100 ปี วัดบวรฯ สร้างก่อนสมเด็จพระสังฆราชสิ้นพระชนม์