วันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2562

พระศิวะนั่งบัลลังหนุมาน





    ข้าพเจ้าเคยคิดตลอดว่า ในงานเทวรูปของเมืองไทย ทำไมยังไม่เคยมีศิลปินท่านใดหรือใครได้สร้างพระศิวะอยู่คู่กับพญาวานรหนุมานทหารเอกพระรามเลย ทั้งๆ ที่ในตำนานหรือบทละครเรื่องรามเกียรติ์ไม่ว่าจะเป็นของอินเดียหรือของไทย ก็ลงเรื่องเล่าไว้ชัดเจนว่า พระอิศวรหรือพระศิวะคือเทพเจ้าที่ให้กำเนิดหนุมานโดยแท้จริง หรืออาจจะเรียกว่าอวตารของพระองค์เลยก็ว่าได้ ซึ่งข้าพเจ้าจะขอคัดลอกเรื่องราวบางตอนในหนังสือรามเกียรติ์ฉบับร้อยแก้วตอนกำเนิดหนุมานมาลงให้อ่านกัน

เมื่อพระอิศวรทราบว่านางกาลอัคคีได้สาป “นางสวาหะ” (ลูกฤาษีโคดมกับนางกาลอัคคี) ให้ไปยืนตีนเดียวเหนี่ยวกิ่งไม้กินลมอยู่ที่เนินเขาจักรวาล ก่อนตนเองจะกลายเป็นแผ่นหินไปตามคำสาปของฤาษีโคดมสามี พระอิศวรจึงมีความคิดให้นางมีบุตรเพื่อแบ่งกำลังกายของตนไปเกิด เพื่อรอคอยรับใช้พระนารายณ์อวตารในกาลภายภาคหน้ายามที่นารายณ์อวตารลงไปปราบยักษ์ทศกัณฐ์ จึงสั่งให้พระพาย (เจ้าแห่งลมและพายุ) พัดหอบเอาพลังกำลังกายแห่งพระอิศวรบรมนาถ รวมทั้งเทพศัตราวุธทั้งสามอย่างได้แก่ คฑาเพชร ตรีเพชร และจักรแก้ว ของพระองค์ไปเข้าปากนางสวาหะ ผู้ยืนกินลมที่เนินเขาจักรวาล ให้เกิดออกมาเป็นกระบี่ (ลิง) ที่มีพละกำลังอันเกรียงไกรด้วยอำนาจกำลังของพระพายจึงหอบเอากำลังและอาวุธเหล่านั้นเข้าปากนางสวาหะ เกิดบุตรเป็นลิงในครรภ์ของนาง โดยที่ คฑาเพชร กลายเป็นกระดูกสันหลังตลอดหางขอวานารน้อย ทำให้เหาะเหินเดินอากาศได้ราวกับลมพัด ส่วนตรีเพชรสุรกานต์ เป็นร่างกาย มือเท้า เวลาจะสู้รบกับผู้ใดให้สามารถดึงเอาตรีเพชรสุรกานต์นี้ออกมาจากอกของตนเองได้ ส่วนจักรแก้วนั้นกลายเป็นส่วนหัวของวานร อาวุธทั้งสามนั้นก็ผสานกลายเป็นบุตรของพระพาย ในครรภ์นางสวาหะ
         ครั้นนางสวาหะมีครรภ์มาได้สิบเดือนแล้วกลับยังไม่คลอด ทารกน้อยยังคงอยู่ในครรภ์ของนางต่อไปจนครบสามสิบเดือน จึงได้ฤกษ์คลอด ตรงกับวันอังคาร ปีขาล เดือนสาม เวลาพลบค่ำพระอาทิตย์อับแสงฉาน พญาวานรก็คลอดจากครรภ์โดยเหาะออกมาจากปากนางสวาหะ ขึ้นสู่เวหา มีสี่หน้าแปดมือรูปร่างสูงใหญ่ กายขาวผ่องรัศมีโชติช่วงลอยอยู่ตรงหน้าพระมารดา อ้าปากหาวออกมาเป็นดวงดาวและดวงเดือน (หนุมาน ผู้ได้ชื่อว่า หาวเป็นดาวเป็นเดือน) มีเขี้ยวแก้ว ขนเพชร กุณฑล (ต่างหู) แสดงฤทธาอยู่บนฟ้าเสร็จแล้วจึงลงมากราบมารดาและพระพายผู้ที่หมายว่าเป็นบิดา พระพายจึงให้พรพร้อมตั้งชื่อให้ว่า “หนุมาน”
พระพายก็เหมือนพระบิดาบุญธรรมของหนุมาน ซึ่งต่อมา พระพายก็พาหนุมานไปกราบพระศิวะ หรือพระอิศวรที่เขาไกรลาส พระองค์ท่านเห็นก็ชอบใจ จึงให้หนุมานอยู่รับใช้และถ่ายทอดสุดยอดมนต์ตราพระเวทย์ต่างๆให้หนุมานจนหมดสิ้น ด้วยวางแผนไว้ว่า จะให้หนุมานรอไปถวายตัวเป็นทหารเอกพระนารายณ์ที่จะเสด็จจากเกษียรสมุทรอาวตารเป็นพระรามเพื่อปราบทศกัณฑ์ยักษ์พาล ทำให้หนุมานเก่งกล้าสามารถ มีวิชาคงกระพัน เหาะเหินเดินอากาศ และยังได้รับพรศักดิ์สิทธิ์จากพระศิวะให้อายุยืนตราบกัลปวสาน "
แม้จะถูกฆ่าด้วยฤกทธิ์เดชอสูรตนใด ถ้ามีลมพัดต้องกายาก็ให้ฟื้นคืนชีพทันที"

      นี่คือแรงบันดาลใจที่ข้าพเจ้าได้สร้างพระศิวะประทับนั่งบัลลังก์หนุมาน ซึ่งข้าพเจ้าก็ใช้ภาพตอนหนุมานอ้าปากอมพลับพลา เนื่องจากเห็นว่า เป็นการแสดงอิทธิฤทธิ์ เนมิตรตนเองปกป้องครองภัยให้กับเจ้านายของตนคือพระรามและนางสีดา ทำให้เห็นอำนาจเขี้ยวแก้ว และบารมีของหนุมานได้ชัดเจน ฉะนั้นจึงไม่แปลกอะไรที่ ผลงานศิลปะชุดนี้ของข้าพเจ้า อ.ศุภณัฏฐ์ อัฏฐวัฒน์ จึงประสบความสำเร็จมากมายทันทีที่บวงสรวงเสร็จ ก็สามารถเปิดให้กับผู้เช่าบูชาไปทั้งหมด 90 องค์ องค์ละ 12,999 บาท หมดภายในไม่ถึงครึ่งวัน