“พระพิราพ”
เทพสายอสูรองค์นี้ถูกยกย่องให้เป็นครูใหญ่สายนาฏศิลป์แห่งวิชานาฏศาสตร์ ซึ่งก่อนหน้านี้ ข้าพเจ้าได้รู้จักจากการอ่านหนังสือชุดเรื่องรามเกียรติ์
ว่า ท่านคือพระฤาษีวิราธสืบเชื้อสายอสูร บำเพ็ญตบะบารมีจนแก่กล้า จนร้อนถึงพระพรหม
ต้องเสด็จลงมาที่สวรรค์ชั้นจาตุมหาราจิกา
อันเป็นที่สถิตรของพระฤษีวิราธเพื่อประทานพรให้อยู่ยงคงกะพัน ใครฆ่าก็ไม่ได้
ตอนหลังไปแอบเป็นชู้กับนางรัมภา บาทบริจาริกาของท้าวเวสสุวรรณ
ผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราจิกาเลยถูกท้าวเวสุวรรณสาปให้เป็นยักษ์เฝ้าสวน
ทัณฑก จนกระทั่งมาถูกศรพระรามฆ่าตาย กลับขึ้นไปเป็นเทพบุตรดั่งเดิม แต่เมื่อได้ศึกษาจากบันทึกของครูบาอาจารย์ที่ถ่ายทอดเขียนเป็นตำหรับตำรา
บวกกับงานขียนที่แปลจากต่างประเทศ จึงได้ทราบว่า
ท่านคืออีกหนึ่งภาคอวตารของพระอิศวร ซึ่งมีพระนามว่า พระไภราวะ
รูปลักษณะเดียวกับพระพิราพ มีพระพักรต์ดุร้าย ดวงเนตรคล้ายตาจระเข้
มีเขียวขาวสั้นทื่อ ผิวกายสีเปลือกมังคุด จนออกม่วง
ในขณะเดียวกัน พระไพราวะหรือพระพิราพ
เมื่อถูกยกย่องให้เป็นครูใหญ่สายยักษ์แห่งวงการนาฏศิลป์ โขน ลิเก ละคร กลับไม่นิยมสร้างรูปเคารพของท่านกราบไหว้บูชากันเหมือนอย่างเทพองค์อื่นๆ
ที่เราเห็น อาทิ ท้าวเวสสุวรรณ ก็ยักษ์เหมือนกัน อาจจะด้วยเพราะเกรงฤทธิ์อำนาจ
อาถรรพณ์ต่างๆ ตามความเชื่อของชนพื้นเมืองในประเทศอินเดีย
ว่าเมื่อสร้างท่านขึ้นมาแล้ว ถ้าทำไม่ถูกต้องหรือที่เรียกว่าผิดครู
จะทำให้เกิดเรื่องอัปมงคลกับผู้ที่นำเข้าบ้านหรือมาแขวนห้อยคอ ทั้งๆ ที่
ตามตำนานแท้จริง ท่านคือครูผู้มีเมตตาสูงกับมนุษย์ชาติ
และท่านก็คือองค์พระศิวะนั่นเอง เพียงแต่เป็นปางพระพิราพมีหน้าเป็นยักษ์ดุร้าย
ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 50-60 ปีที่แล้ว
เราจะไม่เคยพบเลยว่า มีการสร้างพระพิราพเพื่อเป็นวัตถุมงคลสำหรับกราบไหว้บูชา
หรือนำมาแขวนห้อยคอเป็นเครื่องรางนำโชค จะมีก็แต่การสร้าง ท้าวเวสสุวรรณ ซึ่งเริ่มต้นสร้างปี
2485 โดยเจ้าคุณศรีสนธิ์ แห่งวัดสุทัศ ในสมัยนั้น
ปัจจุบันหาไม่ได้ ราคาแพงมากถึง หลักแสน
จนกระทั่ง เมื่อ 15 ปีที่แล้ว พระเกจิชื่อดัง(ละสังขารแล้ว)คือหลวงปู่กาหลง
เขี้ยวแก้ว ได้สร้างพระพิราพให้ลูกศิษย์ลูกหานำไปบูชาและห้อยติดตัว
จนเกิดประสบการณ์มากมายกลายเป็นวัตถุมงคลหายากไปแล้ว
ซึ่งมีทั้งองค์บูชาและขนาดห้อยติดตัว หลังจากนั้น
ก็มีครูศิลปินท่านหนึ่งได้ลาเพศฆารวาสอย่างถวารบวชเป็นพระภิกษุ คือพระอาจารย์
ศิริพงษ์ ท่านก็เป็นครูศิลป์ปินที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นครูสายตรงพระพิราพท่านหนึ่ง
ที่เชี่ยวชาญการสร้างพระพิราพแจกจ่ายให้กับลูกศิษย์ลูกหานำไปห้อยคอติดตัวจนเกิดเรื่องเล่าประสบการณ์ปาฏิหาริย์มากมายเช่นกัน
ที่สำคัญ เป็นที่รู้จักกันในแวดวงสายศิลปินนาฏศิลป์อีกด้วย และอีกหลายๆ สำนัก
ได้ทยอยสร้างพระพิราพกันออกมา ถึงปัจจุบันนี้ พระพิราพ
ก็ยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายนัก แต่ตัวข้าพเจ้าเอง กลับมีความเชื่อว่า
นี่คือจุดกำเนิดของวัตถุมงคล ที่จะนิยมกันไปในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น ประวัติหรือตำนาน
ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับองค์ท่าน ล้วนแล้วแต่เป็นรากฐานให้คนมีความปรารถนาจะบูชาท่านเพื่อเป็นศิริมงคล
เสริมบุญบารมี และยิ่งได้ศึกษาลึกๆแล้ว จะพบว่า แม้แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในหลวงของเรา ก็ยังเลื่อมใสศรัทธาบรมครูพระพิราพ จนมีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของวงการนาฏศิลป์ของไทยเราว่า
เมื่อปี พ.ศ. 2506 พระองค์ทรงมีพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
ให้จัดพิธีพระราชทานครอบเศียรพระพิราพและต่อท่ารำเพลงหน้าพาทย์ให้กับครูใหญ่สายนาฏศิลป์ถึง
4 ท่าน ณ โรงละคร พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต คือ
ครูอาคม
สายาคม ครูอร่าม อินทรนัฏ ครูหยัด ช้างทอง ครูยอแสง ภักดีเทวา โดยมีครูใหญ่อาวุโส
นายเจียร จารุจรณ (รงศ์ภักดี)เป็นผู้ประกอบพระราชพิธี
ถัดจากนั้นมาหลายสิบปี
วันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2527 ณ
ศาลาดุสิตตาลัย พระราชวังสวนจิตรลดา พระบาทมสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ก็ทรงมีพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดพระราชพิธีครอบเศียรครูพระพิราพและต่อท่ารำเพลงหน้าพาทย์ขึ้นมาอีกครั้งให้ครูศิลปินสายนาฏศิลป์
อีกหลายท่าน
มีการบันทึกเทปถ่ายทอดสดผ่านสถานนีโทรทัศน์
ซึ่งถือว่าเป็นพระมหากรุณธิคุณอันยิ่งใหญ่ล้นเกล้าล้นกระหม่อมแก่วงการนาฏศิลป์ของประเทศไทยเลยทีเดียวตราบเท่าถึงปัจจุบัน
และนี่คือความสำคัญของบรมครูพระพิราพ ซึ่งในกาลก่อน
อาจจะมีความเชื่อกันแบบดั้งเดิมว่า ท่านเป็นครูสายอสูรที่ดุร้าย ไม่ควรนำมาคล้องห้อยคอ
และที่สำคัญยังบริโภคของดิบ นั่นเป็นความเชื่อแบบดั้งเดิม
ฉะนั้นการที่ข้าพเจ้า
จัดสร้างบรมครูพระพิราพ ขึ้นมาไม่ใช่เกิดจากความรักความศรัทธาเพียงอย่างเดียว
แต่ข้าพเจ้าต้องการให้ประชาชนชาวไทยทุกผู้ทุกนามได้ศึกษาความเป็นมาจะได้สืบทอดประวัติและตำนานของท่านสืบต่อไปอย่างสร้างสรรค์
เหมือนกับที่ เรารู้จักท้าวเวสสุวรรณ รู้จักชูชก รู้จักหนุมานและพระพิฆเนศ
ซึ่งครูเหล่านี้ถูกนำมาสร้างเป็นเครื่องรางยึดเหนี่ยวทางใจอย่างแพร่หลาย
สาธุค่ะ...ท่านอาจารย์
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกลบโดยผู้ดูแลระบบของบล็อก
ตอบลบได้ครับ
ลบค่ะสาธุ...ดีมากๆ เป็นแหล่งให้ความรู้อีกทางหนึ่ง
ตอบลบได่ประโยชน์มากมายจากการอ่านครั้งนี้เลยค่ะ
ตอบลบจะพยายามพัมนาเนื้อหาให้ดี
ลบตาม อาจารย์ มาจากเฟชบุ๊ค ครับ
ตอบลบขอบคุณครับ
ลบค่ะสาธุ ปุ้มอ่านแล้วดีมากๆค่ะ
ตอบลบทำไมพระพิราพท่านถึงมีวงๆเหมือนหนุมานครับอาจารย์
ตอบลบสวัสดีครับ อยากจะอัญเชิญพระพิราพ ไม่ทราบยังมีอีกรึเปล่าครับ เห็นจากยูทูป ชุดละ 999
ตอบลบรบกวนให้ข้อมูลได้ไหมครับ
ชื่อ นพรัตน์ Line : Xifu8 หรือ Xifu9